Sangtakieng.com
เนเฟอติติ ราชินีแห่งไอยคุปต์-ราชินีผู้สาบสูญ
ตอนสุดท้าย : เนเฟอติติ ราชินีผู้สาบสูญ
รวบรวม เรียบเรียง : รณรงค์ แสงตะเกียง

เบาะแสมัมมี่ ที่คาดว่าจะเป็นเนเฟอติตินี้จะผิดอายุหรือผิดเพศหรือไม่ ร่างของเนเฟอติติ ถูกเก็บไว้อย่างดี ต้องใช้วิธีเอ็กซเรย์ การใช้ดีเอ็นเอเป็นเรื่องต้องห้าม ผลการใช้เอ็กซเรย์ บอกว่าร่างมัมมี่นี้เป็นเพศหญิง เมื่อดูที่ทรวงอกก็ได้เบาะแส ด้านเชิงกรานและสันหลังตรงเอว มีการอัดกันแน่น
มีลูกปัดที่โจรทิ้งไว้เมื่อมีการปล้นสุสาน ได้ขโมยเครื่องประดับจากลำคอของมัมมี่ ลักษณะนี้เหมือนเครื่องรางของอียิปต์โบราณ เนเฟอติติมีชื่อเหมือนลูกปัดชื่อว่าลูกปัดเนเฟอร์ ซึ่งมีแต่คนในราชวงศ์เท่านั้นที่จะสวมใส่ เนเฟอติติจะสวมรอบคออย่างหรูหรา ไม้จะห่อร่างจากวัสดุที่ใช้ทำมัมมี่ จึงต้องเป็นคนที่มีฐานะสูงส่ง

หุบผากษัตริย์-สาเหตุการตายของเนเฟอติติ จากร่องรอยของมัมมี่มีฟันคุด ที่ยังไม่เจริญเต็มที่ ดูแล้วเหมือนคนผู้นี้ยังเด็กอยู่หรอไม่ก็เป็นช่วงวัยรุ่นตอนปลายถึงผู้ใหญ่ตอนต้น  โดยสันนิฐานจากสันหลัง อายุแม้จะประเมินได้ยาก เนเฟอติติให้กำเนิดธิดาถึง ๖ พระองค์ พระนางคงไม่ใช่หญิงสาวแรกรุ่นแน่ ถึงแม้ว่าจะอภิเษกแต่เยาว์วัย ทำให้คาดว่าพระนางคงสิ้นพระชนม์เมื่อ ๒๐ ตอนกลาง

สาเหตุการเสียชีวิต-มีความเสียหายบนใบหน้า หลายร้อยปีหลังจากที่ร่างถูกฝัง สุสานของพระองค์ ตั้งอยู่ห่างจากอามานา ๔ ไมล์ หันเผชิญหน้ากับดวงอาทิตย์ขึ้น ในฐานะรัชทายาทของพระสวามี เนเฟอติติเท่านั้นที่จะทำหน้าที่พิธีเปิดพระโอษฐ์ที่จะทำพิธีกรรมที่จะทำให้พระสวามีทรงเป็นอมตะ พระนางทรงเดินนำขบวนและตามด้วยตุตันคามุน อาจร่วมมาด้วย ดำเนินการฝังพระศพแก่สวามีผู้ล่วงลับ
ตามประวัติศาสตร์ เนเฟอติติน่าจะถูกฝังแล้ว สุสานของอเคนาเตนสร้างเสร็จแล้ว แต่สุสานของเนเฟอติติจากร่องรอยการขุดค้น คาดว่าสุสานของเนเฟอติติยังสร้างไม่เสร็จ

ข้อพิสูจน์ว่า เนเฟอติติยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ขณะที่อเคนาเตนถูกฝัง รายล้อมไปด้วยรูปปั้นของพระนาง จนพระนางได้กลายมาเป็นเทพธิดาเพื่อปกป้องอเคนาเตน

การสิ้นพระชนม์ของพระสวามีเป็นสัญญาณการจบสิ้นของการปฏิวัติ อาณาจักรใกล้จะล่มสลายแล้ว เพื่อปกป้องอียิปต์ เนเฟอร์ติติ ได้หันหลังทุกสิ่งที่ทรงรัก แม้กระทั่งเทพเจ้า แต่พระศพของพระนางถูกฝังไกลจากอามานาถึง ๒๐๐ ไมล์ได้อย่างไร
หลังสิ้นพระชนของพระสวามี เนเฟอร์ติติ ครองบัลลังค์สืบมา ระหว่างขั้นตอนการล่มสลาย ขั้นแรก พระนางต้องปกป้องพระองค์เองและราชวงศ์ เพื่อรักษาบัลลังค์ไว้แด่รัชทายาท เนเฟอร์ติติ ได้จัดให้พระธิดาของพระองค์ อานัคซุนามุน บ้างคนก็เรียกว่า แองเกสเซปาเตน อภิเษกว่าที่กษัตริย์ตุตันคามุน ที่ต่อมาเรียกว่า คินทัค แม้สิ่งที่ต่อไม่ได้บันทึกไว้
เจ็ดสิบวันหลังสิ้นพระชนม์ การทำมัมมี่ให้พระองค์ก็เสร็จสมบูรณ์ ช่างทำมัมมี่หลวงร่ายมนต์ และทำพิธีกรรมเพื่อช่วยให้รักษาร่างมัมมี่ไว้ต่อไป
และการทำลายพระศพ ถือเป็นการลิดรอนอำนาจของพระองค์ ถือว่าเป็นการแก้แค้น ตอนมีชีวิตอยู่ พวกนักบวชไม่สามารถแก้แค้นได้ แต่เมื่อพระนางสิ้นพระชนม์ไปแล้ว พวกเขา ก็กลับมาทำลาย พระสิริโฉมของพระองค์และกักขังวิญญาณของพระนาง ให้เวียนว่ายไม่ได้กลับมาเป็น
มนุษย์ตลอดกาล
นี่อาจเป็นฆาตกรรม ร่องรอยเริ่มต้นที่หุบผากษัตริย์ ที่นี่หลายร้อยปีหลังการสิ้นพระชนม์ของเนเฟอติติ สุสานถูกขโมยและมัมมี่ถูกทำให้เสื่อมเสีย ร่องรอยลำดับชั้นและอำนาจถูกขโมยไป แม้กระทั่งวิกผมจากพระเศียร ยังถูกกระชากออกไป การล่วงเกินที่ร้ายแรงที่สุดคือพระพักตร์ถูก
ฟาด มิเพียงทำลายพระสิริโฉมเท่านั้น ตัวตนของพระนางด้วย เหมือนมีใครสักคนไม่ให้พระนางก้าวสู่ชีวิตหลังความตาย แต่พวกเขาก็ทิ้งเบาะแสไว้เบื้องหลัง
พระองค์ใช้ชีวิตอย่างวิเศษ ตั้งแต่เจ้าสาว ราชินี เทพธิดาที่มีชีวิตและฟาโรห์ พวกนอกรีต นักปฏิวัติที่เปลี่ยนแปลงอียิปต์และล้มเหลว ทำให้ประเทศเข้าสู่ความวุ่นวาย ที่อาจนำไปสู่การสิ้นพระชนม์

เนเฟอติติ ฝังในหุบผากษัตริย์ ขบวนพระราชพิธีศพ นำโดยฟาโรห์ตุตันคามุนและพระธิดา อานัคซุนามุน รัชทายาท ไม่รู้เลยว่าเนเฟอร์ติติจะถูกละเมิด โดยนักบวชแห่งอามุน ผู้ไม่ยอมให้อภัย คนที่เนเฟอติติและพระสวามี พยายามจะทำลาย ได้ลงมือล้างแค้นอย่างเหี้ยมโหด โดยทำลาย ใช้มีด ขวาน ของมีคม ทำลายพระสิริโฉมของพระนาง

 

รูปปั้นภาพเหมือนของราชินีเนเฟอติติ จัดว่าสวยงามและได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานประติมากรรมชั้นเยี่ยมของโลกอีกชิ้นหนึ่ง ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์อียิปต์ในเบอร์ลิน รูปปั้นนี้มีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้คนที่ได้ไปเยี่ยมชมตลอดมาทุกปี เป็นรูปปั้นที่แสดงถึงฝีมือของประติมากรในสมัยอียิปต์ยุคโบราณอย่างแท้จริง สามารถถ่ายทอดจิตวิญญาณและบุคลิกลักษณะของพระองค์ออกมาได้ใกล้เคียงมากที่สุด ดูมีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาด จัดว่าเป็นราชินีที่สวยที่สุดในแผ่นดินไอยคุปต์

รูปปั้นภาพเหมือนนี้ระบายสีด้วยธรรมชาติ สังเกตุตั้งแต่มงกุฎลงมาจะเห็นได้ว่าตกแต่งได้สวยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นพระขนง พระเนตร พระนาสิก พระโอษฐ์ พระกรรณ และพระศอ ดูรองรับกันได้สัดส่วนพอเหมาะกับราชินีที่มีพระชนมายุ ๓๐ พรรษา
ใต้พระศอและพระอังสาลงมาทรงสวมฉลองพระศอแบบอะมาร์นาที่ทำด้วยลูกปัดสีรูปดอกไม้ ผลไม้ ใบไม้ และกลีบดอกที่ออกแบบได้วิจิตรตระการตา
กล่าวกันว่า ราชินีเนเฟอติติอาจทรงสูญเสียพระเนตรด้านซ้ายก่อนจะถึงพระชนมายุดังกล่าวก็เป็นได้ เพราะในสมัยนั้น ชาวอียิปต์โบราณประสบโรคตาได้ง่ายกว่าปัจจุบัน เป็นที่น่าเสียดาย ทฤษฏีนี้ถูกหักล้างเมื่อพบหลักฐานโบราณวัตถุอีกหลายชนิด และโดยเฉพาะจากภาพนูน
แกะสลักหรือจิตรกรรมฝาผนังที่ค้นพบ แสดงให้เห็นถึงพระสิริโฉมของพระนางเนเฟอติติทั้งช่วงก่อนและหลังพระชนมายุดังกล่าว ทุกภาพจะสังเกตุได้ว่าทรงมีพระเนตรเป็นปกติ ไม่แสดงว่าพระเนตรด้านซ้ายผิดปกติแต่อย่างใด
อีกทฤษฏีหนึ่งนักอียิปต์วิทยาหลายคนได้เสนอว่า สาเหตุที่รูปปั้นราชินีเนเฟอติติไม่มีพระเนตรด้านซ้าย เนื่องจากช่างสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ แนวความคิดนี้มีนำหนักมากขึ้นเมื่อมีผู้อ้างว่า สาเหตุเนื่องจากมีเหตุการณ์ร้ายแรงที่เมืองอาเคนทาเทน ต่างทิ้งเมืองหนีภัยร้ายแรงไปอย่างกะทันหัน แต่ในที่สุดทฤษฏีนี้ก็ตกไป เมื่อมีหลักฐานยืนยันว่าช่วงที่เมืองนี้ถูกยกเลิก ปรากฏว่าพระนางเนเฟอติติทรงมีพระชนมายุอย่างน้อยที่สุดคือ ๓๕ พรรษา

ความเป็นจริง รูปปั้นพระนางเนเฟอติติสวยและมีเสน่ห์อย่างประหลาด บางทีทุตโมสอาจประสบชะตากรรมที่ถูกสลัดรักอย่างไร้เยื่อใยเช่นเดียวกับชายอื่น และเนื่องจากไม่มีทางแก้แค้น ที่จะตัดแขนหรือคอรูปปั้นซึ่งเป็นภาพคนที่เขาหลงรัก จึงได้เพียงแกล้งแกะสลักมิให้เสร็จสมบูรณ์ เว้นพระเนตรด้านซ้ายไว้ก็เป็นได้ นี่ก็คือทฤษฏีหนึ่งที่ไม่อาจสรุปข้อเท็จจริงได้

ปริศนาลับเกี่ยวกับเรื่องราวของพระนางก็คือไม่มีหลักฐานแสดงว่าพระองค์เป็นพระธิดาของฟาโรห์พระองค์ใด บ้างก็กล่าวว่าพระนางเป็นเจ้าหญิงต่างแดนที่มีพระนามเดิมว่า เจ้าหญิงทาดูคิปา ครั้นเสด็จเข้ามาในอียิปต์ก็ทรงเปลี่ยนพระนามใหม่ อาจเป็นไปได้ว่าเมื่อฟาโรห์อาเคนนาเทน ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางแล้ว ก็ทรงแปลความหมายด้วยพระองค์เองว่า พระนางทรงเป็นทายาทเป็นผู้สืบมรดก จะเห็นได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏในภาพประติมากรรมในสมัยของพระองค์ แสดงให้เห็นว่าพระองค์ ทรงยกย่องพระนางมากเพียงใด และพระองค์ทรงเข้าใจว่าประชาชนของประเทศมองพระนางว่า เป็นราชินีที่ทรงมีอำนาจสำหรับพระองค์เพียงใด

การเคารพซึ่งกันและกันของทั้งสองพระองค์ ปรากฏชัดในภาพแกะสลัก ภาพระบายสีหลายร้อยภาพโดยเฉพาะภาพที่อามาร์นา ทั้งสองพระองค์แทบไม่ได้ห่างจากกันเลย แต่ที่ประหลาดอยู่บ้างในบางช่วงตอนคือช่วงที่ทรงอภิเษกสมรสใหม่ๆ ก็ไม่มีท่าทีว่าจะให้กำเนิดโอรสและธิดา และจู่ๆ หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีภาพแสดงว่ามีพระธิดาที่ทรงเจริญพระชนม์มายุแล้ว ๖ พระองค์ ซึ่งก่อนนั้นไม่ปรากฏว่ามีภาพแสดงเกี่ยวกับพระราชธิดาเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ในโอกาสต่างๆ แต่อย่างใด ดูมีลักษณะเงื่อนงำต่อไป

สามพันปีล่วง มัมมี่พระศพของพระนางฯ ถูกค้นพบอีกคราว แม้บางส่วนจะถูกทำลายไปบ้าง ทว่าชิ้นส่วนพระศพนั้นยังคงครบ คัมภีร์มรณะที่กล่าวถึงคำสาปไว้อย่างน่ากลัว หากทำให้มัมมี่สุญเสียชิ้นส่วน เทพเจ้าอาจจดจำไม่ได้ อาจทำให้ไม่สามารถก้าวสู่ชีวิตหลังความตาย ติดค้างอยู่ในโลกของคนเป็นและคนตาย...โอ้ปวงเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ หากพระนางเคยละเมิดใดใด ขอให้อาเตมทรงช่วยประทานอภัยและคุ้มครองพระนางด้วย, ณ บัดนี้ เทพเจ้าจงช่วยจดจำพระนางฯ จดจำกับมัมมี่ที่กล่าวถึงนี้ และให้เธอก้าวสู้ชีวิตหลังความตาย เข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ด้วยเถิด

กลับไปอ่านตอนแรก-กำเนิดเนเฟอติติ การล่มสลายของมหานครธีบฯ : คลิ๊กตรงนี้
กลับไปอ่านตอนที่สอง-มหานครกลางทะเลทราย มหานครแห่งเนเฟอติติ : คลิ๊กตรงนี้

กลับหน้าแรก : คลิ๊กตรงนี้
กลับเมนูหลัก เสาะหามาเล่า ค้นรื้อมาบอก : คลิ๊กตรงนี้

 

  
MENU
 
WEB LINK
 
VISIT
 สถิติวันนี้ 26 คน
 สถิติเมื่อวาน 254 คน
 สถิติเดือนนี้
สถิติปีนี้
สถิติทั้งหมด
3308 คน
55454 คน
937506 คน
เริ่มเมื่อ 2012-10-14
 
Copyright (c) 2006 by Ronnarong