Sangtakieng.com
ท่องสวนโมกข์ทางธรรม
รวบรวม เรียบเรียง : รณรงค์ แสงตะเกียง

วัดสวนโมกข์ ชื่อเต็มคือวัดสวนโมกขพลาราม เป็นศูนย์กลางที่พุทธศาสนิกชนมาปฏิบัติธรรม ซึ่งเปิดให้บุคคลทั่วไปรวมถึงชาวต่างชาติที่สนใจด้วย วัดสวนโมกข์ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งห่างจากตัวเมืองไชยาประมาณ ๖ กิโลเมตร
ท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ ได้เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งสวนโมกข์เมื่อปี พศ. ๒๔๗๕ เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและจรรโลงพระพุทธศาสนา และท่านได้มรณภาพเมื่อปี พศ. ๒๕๔๒ สถาปัตยกรรมการก่อสร้างของที่นี่ได้แสดงให้เห็นถึงการก่อสร้างในแบบยุโรปและแบบจีน ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีจะมีอาคารสองหลังที่มีรูปร่างคล้ายกับเรือ

โรงมหรสพทางวิญญาณ แสดงรูปแบบทางสถาปัตยกรรมไม่เหมือนพุทธสถาปัตย์ในเมืองไทย ได้รูปแบบมาจากสถาปัตย์อินเดียโบราณ

หลายคนเคยได้ยินหรือรู้จักสถานที่แห่งนี้กันบ้างจากชื่อเสียงของท่านพุทธทาสภิกขุ หรือที่เหล่าศิษย์ของท่านเรียกกันว่าท่านอาจารย์พุทธทาส ซึ่งก็มีอีกหลายคนที่รู้จักกันเฉพาะในหนังสือหรือสื่อต่างๆ แต่ไม่เคยมาที่สวนโมกข์จริงๆ สักครั้ง ผมเชื่อว่าการมาท่องเที่ยวแนวนี้สามารถเปลี่ยนชีวิตคนเราได้จริงๆ
อีกเหตุหนึ่ง คงเป็นเพราะหลายเหตุการณ์วุ่นวายภายในบ้านเมืองของเรา ไม่ว่าแค่เรื่องสีเสื้อหรือจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่ปั่นป่วนไม่แพ้กัน ทำให้การท่องเที่ยวในเชิงไหว้พระ เข้าวัด แม้กระทั่งวิปัสสนานั้นเป็นคลื่นลูกใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวหลายกลุ่ม และที่สวนโมกข์เป็นอีกที่หนึ่งที่มีคนแวะเวียนมาตลอดทั้งปี

น่าเสียดายที่ว่าคนมาสวนโมกข์แต่ไม่ถึงสวนโมกข์นั้นมีอยู่เยอะ ความต้องการจริงๆ ตามความคิดของท่านพุทธทาสนั้น อยากสร้างสวนโมกข์แล้วให้คนมาใช้ฝึกฝนจิตใจไม่ให้หลงติดอยู่กับวัตถุนิยมหรือความเป็น-ตัวกู ของกู-แต่ทุกวันนี้ นักท่องเที่ยวมาสวนโมกข์เพื่อเข้าห้องน้ำ แล้วซื้อไข่เค็มหน้าวัดกันเสียมากกว่า

ความรู้สึกแรกที่ได้ก้าวสู่สวนโมกข์นั้น เหมือนก้าวมาในอีกโลกหนึ่งที่มีแต่ความสงบ ร่มรื่นและโปรแกรมของเราระหว่างอยู่ที่สวนโมกข์ ก็จะมีนุ่งขาวห่มขาว ทำวัตรเช้าเย็น นั่งวิปัสสนา เดินจงกรม ทานข้าววันละ ๒ มื้อ นอนหมอนไม้ ใช้ชีวิตอยู่กับดินกับทรายกับธรรมชาติ ซึ่งจะคล้ายๆ กับการทำวิปัสสนาโดยส่วนใหญ่ ทว่าการจะเริ่มต้นทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดเราไม่ควรหักดิบหรือกระทำอย่างสุดโต่งภายในครั้งแรก การวิปัสสนาครั้งนี้จึงไม่เคร่งครัดจนเกินไป ถือว่าให้มาชิมในครั้งแรก หากลำดับนี้ผ่านไปได้ก็จะเพิ่มระดับกันต่อไป

สี่นาฬิกา เสียงระฆังดังขึ้นทั่วทั้งสวนโมกข์ เป็นเวลาที่ต้องตื่นทำวัตรเช้า ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ยังไม่ค่อยชินสำหรับผู้ปฏิบัติหน้าใหม่ แต่ถึงยังไงลานหินโค้งสถานที่ทำวัตรเช้าเย็นก็เต็มไปด้วยผู้คน ถึงแม้จะมีง่วงเหงาหาวนอนกันบ้างคงเข้าใจได้ถึงเรื่องธรรมดานั้น กระทั่งถึงมื้อเช้าจะเป็นอาหารที่ละเว้นจากเนื้อสัตว์เพื่อชำระล้างจิตใจอีกทางหนึ่ง และโรงอาหารนี้ก็เปรียบเหมือนสภาเล็กๆ เอาไว้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต ของแต่ละคน ซึ่งสิบคนก็มี ๑๐ เรื่อง แล้วถ้ามีเป็นร้อยคนล่ะ เราก็สามารถเรียนรู้ชีวิตจากประสบการณ์ที่ต่างกันของหลายๆ คนได้ไม่ยาก

มาสวนโมกข์ทั้งที ได้แวะมาพิจารณารูปภาพที่แฝงคติธรรมปริศนาธรรมเอาไว้ ณ โรงมหรสพทางวิญญาณ อย่าเพิ่งนึกกลัวไปนะครับเพราะคำว่าวิญญาณ ในทางพุทธศาสนานั้น หมายถึงการรู้แจ้งหรืออายตนะ ไม่ใช่เรื่องของภูตผีหรือสิ่งเร้นลับอย่างที่เราๆ เข้าใจกัน โดยที่แห่งนี้จะรวมเอารูปภาพมากมายที่แฝงไปด้วยคติธรรมและปริศนาธรรมเอาไว้ให้เราขบคิดกัน ซึ่งแม้เวลาจะผ่านไปกี่ร้อยกี่พันปี คติธรรมเหล่านี้ก็จะยังใช้เป็นบทเรียนไว้ขัดเกลาจิตใจของคนทุกชนชั้นได้เป็นอย่างดี

ท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ ได้เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งสวนโมกข์เมื่อปี พศ. ๒๔๗๕ เพื่อเป็นสถาน ที่ปฏิบัติธรรมและจรรโลงพระพุทธศาสนา

หัวใจของพุทธศาสนาคือคำว่า-ตถตา-ที่แปลว่าเช่นนั้นเอง พยายามศึกษาคำว่าเช่นนั้นเองให้เข้าใจแจ่มแจ้งอยู่เสมอ อะไรเกิดขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เห็นชัดเลยว่าเช่นนั้นเอง ก็จะไม่หลงรัก หลงเกลียด ไม่หลงยินดี ไม่หลงยินร้าย กิเลสก็เกิดไม่ได้

ถ้าถามว่าพระพุทธเจ้านั้นตรัสรู้อะไร คนส่วนใหญ่จะตอบว่าอริยสัจ ๔ ซึ่งนั้นก็ถูกครับ แต่ว่าเป็นแต่เพียงฉบับย่อก็ว่าได้ เพราะแท้จริงพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เหตุและปัจจัยต่างๆ ของการเกิดและดับทุกข์ซึ่งเรียกว่า-อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบาท ซึ่งหลายคนอาจยังไม่เคยทราบเหมือนผมและสามารถมาเรียนรู้ได้ที่นี่ โดยหลักการของปฏิจจสมุปบาทนั้นจะกล่าวถึงเรื่องความเป็นเหตุ ความเป็นไปและปัจจัยที่เกิดของทุกข์ ถ้าเรารู้โดยพิจารณาให้ถี่ถ้วนถึงปัจจัยต่างๆ แล้วเราก็จะดำรงชีวิตโดยปราศจากความทุกข์ได้อย่างแน่นอน

ไหนๆ ก็มาที่อำเภอไชยาจะไม่แวะไปเที่ยวที่พระบรมธาตุไชยา เลยก็คงกระไรอยู่ ก็เลยร่วมกันหลายคนไปกราบไหว้และเที่ยวชมความงามของพระธาตุและได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมชมที่ตั้งสวนโมกข์แห่งแรกและบ้านของท่านพุทธทาสก่อนกลับสวนโมกข์และเดินข้ามไปดูสวนโมกข์ฝั่งนานาชาติ

อย่าเพิ่งสงสัยนะครับ เนื่องจากมีชาวต่างชาติจำนวนมากได้ยินชื่อเสียงของสวนโมกข์และสนใจมาฝึกปฏิบัติจิตใจกันมากพอควร จึงต้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นส่วนของนานาชาติเพิ่มขึ้นมา แต่ในส่วนนี้เขาปฏิบัติกันอย่างจริงจังนะครับ เพราะชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่มานั้นมีความตั้งใจมาเกินร้อย จึงต้องปฏิบัติกันอย่างเต็มที่

หลังใช้ชีวิตอยู่ในสวนโมกข์ ๒ คืน ๓ วัน ด้วยตั้งใจปฏิบัติ ผลที่เห็นได้ชัดคือจิตใจที่สงบไม่ฟุ้งซ่าน พร้อมที่จะกลับไปใช้ชีวิตในโลกความเป็นจริงได้อย่างสงบสุข ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของทางสวนโมกข์เองที่ไม่ต้องถึงขนาดบรรลุถึงธรรมขั้นสูง แต่ให้กลับไปใช้ชีวิตให้ถูกต้องและมีความสุข สามารถพิจารณาสิ่งที่เป็นไปโดยใช้เหตุผลและปัจจัย ไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ หรือการไม่ยึดมั่นถือมั่นนั่นเองครับ เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่มีสิ่งไหนที่เป็นของเราจริงๆ

กลับหน้าแรก : คลิ๊กตรงนี้
กลับเมนูหลัก ท่องไชยาทางโลก-ท่องสวนโมกข์ทางธรรม : คลิ๊กตรงนี้
ไปยังเมนู ท่องไชยาทางโลก : คลิ๊กตรงนี้
ไปยังเมนู ศิลปป้องกันตัว แบบฉบับมวยไชยา : คลิ๊กตรงนี้
ไปยังเมนู เด็กชายเงื่อม พานิชและเส้นทางสู่ธรรมสาวกของพุทธทาสภิกขุ : อ่านต่อคลิ๊กตรงนี้

 

 

  
MENU
 
WEB LINK
 
VISIT
 สถิติวันนี้ 118 คน
 สถิติเมื่อวาน 129 คน
 สถิติเดือนนี้
สถิติปีนี้
สถิติทั้งหมด
1807 คน
53953 คน
936005 คน
เริ่มเมื่อ 2012-10-14
 
Copyright (c) 2006 by Ronnarong