|
|
| นักรบกล้าเมืองสิงห์ นักรบกล้าแห่งสยามประเทศ |
| ชาวบ้านบางระจัน ตำนานคนไทยเลือดรักชาติ |
| รวบรวม เรียบเรียง : รณรงค์ แสงตะเกียง |
ล่วงเข้าปีพุทธศักราช ๒๓๐๗-พระเจ้ามังระกษัตริย์พม่า แผ่อำนาจและรุกรานเข้ามาถึงไทย, แต่งตั้งแม่ทัพ ๓ คนคือโปมะยุงง่วนเป็นแม่ทัพหน้า เน-เมียวสีหบดีเป็นแม่ทัพหลวงยกทัพตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ ตลอดลงมาทางใต้
ให้มังมหานรธาเป็นแม่ทัพหลวงเข้าตีทางหัวเมืองฝ่ายใต้ ขึ้นไปทางเหนือเพื่อให้บรรจบกันแล้วเข้าตีกรุงศรีอยุธยา, ตีได้เมืองมลิวัน เมืองกระ เมืองระนอง เมืองชุมพร เมืองไชยาแล้วย้อนกลับขึ้นมาตีเมืองปะทิว เมืองกำเนิดนพคุณ เมืองครองวาฬ เมืองกุย เมืองปราณตลอดจนมาถึงเมืองเพชรบุรี |
 |
|
อนุสาวรีย์ชาวบ้านบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี |
|
สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ให้พระยาตากเจ้าเมืองตาก กลับเข้ามารับราชการในกรุงศรีอยุธยาและแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพหน้า พระยาพิพัฒน์โกษาธิบดีเป็นแม่ทัพหลวง ยกกองทัพออกไปป้องกันเมืองเพชรบุรี, การศึกครั้งนี้ พระยาตากได้แสดงฝีมือรบพุ่งเข้มแข็ง ตีทัพมังมหานรธาแตกพ่าย และถอยร่นกลับไปทางด่านสิงขรเมืองตะนาวศรีดินแดนพม่า
หัวเมืองฝ่ายเหนือของไทย-พม่าตีได้เมืองเชียงใหม่ ตีเลาะเรื่อยมาถึงเมืองนครสวรรค์กระทั่งสิงห์บุรี ต่อมากองทัพฝ่ายใต้ของพม่าก็เคลื่อนกำลังเข้ามาอีก เพื่อจะมาบรรจบกันที่กรุงศรีอยุธยา |
ที่เมืองวิเศษชัยชาญ พุทธศักราช ๒๓๐๗ นายแท่น, นายโชติ, นายอิน, นายเมือง, นายดอก (บ้านกลับ), นายทองแก้ว (บ้านโพธิ์ทะเล), ได้รวมกลุ่มกันต่อต้านฆ่าพม่าตายไป ๒๐ คนและหนีมารวมตัวกับชาวบ้านบางระจันประมาณ ๔๐๐ คน จากนั้นได้นิมนต์พระอาจารย์ธรรมโชติวัดเขานางบวช มาปลุกเสกคาถาอาคมเป็นขวัญกำลังใจและร่วมกันสู้ศึกกับพม่า |
หัวหน้านำการสู้รบค่ายบางระจัน ๑๑ คน |
|
|
 |
ค่ายบางระจัน พม่าเข้าตีทำลายค่ายถึง ๗ ครั้งแต่ไม่สำเร็จ, กระทั่งครั้งที่ ๘ สุกี้พระนายกองชาวมอญ รับอาสาเนเมียวสีหบดีเข้าตีค่ายบางระจันจนสำเร็จ, สุกี้ผู้นี้เคยเข้ามาอาศัยข้าวแดงแกงร้อนของไทยจนเติบใหญ่ รู้ทางหนีทีไล่ มีความชำนาญกับภูมิประเทศและรู้จักนิสัยการรบของคนไทยเป็นอย่างดี จึงไม่ออกมาสู้รบแบบประจันบาน แต่กลับใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มเข้าไปจนผู้คนล้มตายจำนวนมาก
ขุนสรรค์และชาวบ้านบางระจันส่วน หนึ่งเดินทางเข้ากรุงศรีอยุธยาเพื่อขอพระราชทานปืนใหญ่ไปต่อสู้กับพม่า แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ พระอาจารย์ธรรมโชติจึงเป็นประธานหล่อปืนใหญ่ขึ้นมาใช้เอง ปืนแตกใช้การไม่ได้ |
วันเพ็ญปีจอ (๒๓๐๙) เดือนเจ็ด ตอนเช้าตะวันรุ่ง หลังจากกินอาหารมื้อสุดท้าย, ชาวบ้านบางระจันก็เปิดค่ายวิ่งดาหน้าเข้าหาศัตรูและต่อสู่อย่างดุเดือด สุกี้สั่งให้ทหารพม่าระดมยิงปืนใหญ่เข้าใส่ กระทั่งไม่มีผู้ใดรอดชีวิตเหลืออีกเลย, ค่ายบางระจันจึงแตกพ่าย |
|
|
|
|
| VISIT |
 สถิติวันนี้ |
10 คน |
| สถิติเมื่อวาน |
254 คน |
 สถิติเดือนนี้
 สถิติปีนี้
สถิติทั้งหมด |
3292 คน
55438 คน
937490 คน |
| เริ่มเมื่อ 2012-10-14 |
| |
| | | |
หน้าแรก